mainboard.gif (8412 bytes)

เมนบอร์ด (MainBoard)


เมนบอร์ดคืออะไร นับตั้งแต่ได้มีการคิดค้นเครื่องพีซีขึ้นมา ก็จะปรากฎเจ้าแผ่นวงจรไฟฟ้าแผ่นใหญ่ ที่รวบรวมเอาชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ ๆ เข้ามาไว้ด้วยกัน เจ้าแผ่นวงจรไฟฟ้านี้มีชื่อเรียกว่า เมนบอร์ด (Mainboard) หรือมา-เธอร์บอร์ด (Motherboard) หรือถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็จะเรียกว่าแผงวงจรหลัก ซึ่งเมนบอร์ดนี้เองที่เป็นส่วนที่ควบคุมการทำงานแผ่นที่ใหญ่ที่สุดภายในพีซี ที่จะรวบรวมเอาชิปและไอซี (IC-Integrated circuit)รวมทั้งการ์ดต่อพ่วงอื่น ๆ เอาไว้ด้วยกันบนบอร์ดเพียงแผ่นเดียว เครื่องพีซีทุกเครื่องไม่สามารถทำงานได้ถ้าขาดเมนบอร์ดไป 


เมนบอร์ดมีกี่รุ่น ? เมนบอร์ดที่มีขายกันในทุกวันนี้ จะมีเมนบอร์ดที่ผลิตโดยผู้ผลิตเมนบอร์ดจากอเมริกาและไต้หวัน แต่ เมนบอร์ดที่นิยมใช้กัน จะเป็นเมนบอร์ดที่ผลิตโดยผู้ผลิตเมนบอร์ดจากไต้หวัน เพราะจะมีราคาถูกกว่าเมนบอร์ดจากอเมริกา ถ้าจะถามถึงเรื่องคุณภาพก็สามารถบอกได้เลยว่า "ของดีไม่มีราคาถูก" คือ เมนบอร์ดที่ผลิตจากผู้ผลิตในอเมริกา แต่ก็มีคุณภาพและความคงทนในการใช้ดีกว่าเมนบอร์ดจากไต้หวัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเมนบอร์ดจากไต้หวันจะไม่ดีเพียงแต่มาตรฐานของคุณภาพในการผลิตแตกต่างกัน และผลิตมาโดยที่เราไม่สามารถทราบได้ว่ามีการทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนวางจำหน่วยหรือไม่ แต่สำหรับผู้ใช้ทั่ว ๆ ไปแล้ว เมนบอร์ดของไต้หวันก็สามารถที่จะตอบสนองความต้องการในการใช้งานทั่ว ๆ ไปได้อย่างสบาย และก็มีเมนบอร์ดจากไต้หวันบางรุ่นบางยี่ห้อ ที่มีคุณภาพดีกว่าเมนบอร์ดจากอเมริกาเสียด้วยซ้ำไป 


เมนบอร์ดที่ใช้กันในปัจจุบนจะมีอยู่หลายขนาด คือ

  • Full-size AT
  • Baby-AT
  • ATX
เมนบอร์ดขนาด Full-size AT จะมีขนาดใหญ่มาก คือ จะมีขนาดประมาณ 12x13.8 นิ้ว และจะใส่ได้ กับเคสแบบ Full Tower เท่านั้น ซึ่งจะมีขนาดใหญ่โตจนเกินกว่าการใช้งานปกติไป จึงได้มีการพัฒนาเมนบอร์ดในขนาดที่เล็กลง ย่อส่วนลงมาจากขนาด Full-size เป็นเมนบอร์ดขนาด Baby-AT อย่างที่ใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ ซึ่งจะมีขนาดเล็กกว่าสามารถใส่ในเคสขนาดเล็กลงอย่าง Mdeium Tower,Mini Tower,Desktop และSlimline ได้ ทำให้ไม่มีผู้ผลิตเมนบอร์ดขนาด Full-size ไปในที่สุด เพราะไม่มีผู้นิยมใช้เมนบอร์ดขนาดใหญ่กันอีกต่อไปแล้ว โดยขนาดของเมนบอร์ด Baby-AT จะมีขนาด 8.5x13 นิ้ว 

 
เมนบอร์ดที่ได้รับพัฒนาขึ้นมาล่าสุดนี้ ก็คือ เมนบอร์ด ATX ซึ่งเปิดตัวโดยอินเทลในปี 1995 เมนบอร์ดรุ่นนี้ได้จะรับการออกแบบมาสำหรับพีซีที่ใช้ซีพียูเพนเทียมและเพนเทียมโปรขึ้นไป มีการจัดวางตำแหน่งของซีพียูหน่วยความจำ สล็อต และพอร์ตต่าง ๆ ใหม่ โดยจะวางตำแหน่งของซีพียูและหน่วยความจำใกล้กับพาวเวอร์-ซัพพลาย เพื่อใช้ประโยชน์จากพัดลมระบายความร้อนของพาวเวอร์ซัพพลาย ให้ช่วยระบายความร้อนที่เกิดจากการทำงานของซีพียู สามารถใส่การ์ดเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่มีขนาดความยาวมาก ๆ ได้ 

 
หน่วยความจำแคชระดับสอง
หน่วยความจำแคชระดับสองที่ใช้กันอยู่ในเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆ ที่มีในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดจะ เป็นหน่วยความจำแคชแบบ Pipeline Burst Cache SRAM ซึ่งเป็นหน่วยความจำแคชที่มีความเร็วสูงที่สุดในปัจจุบันอยู่แล้ว จึงไม่ต้องคำนึงถึงมากนักเช่นเดียวกับขนาดของหน่วยความจำแคชที่ส่วนใหญ่ก็จะมีขนาด 512KB เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว 
สำหรับผู้ใช้ซีพียูในระดับเพนเทียมทูนั้น หน่วยความจำแคชระดับสองจะมีอยู่ในการ์ด SEC อยู่แล้วจึงไม่ต้องเลือก ซึ่งจะมีขนาด 512KB แบบ Pipeline Burst Cache SRAM 

 
ความสามารถในการจ่ายระดับแรงดันไฟฟ้าให้กับซีพียู
เมนบอร์ดที่เลือกซื้อ นั้นควรจะสามารถรองรับการจ่ายระดับแรงดันไฟฟ้าให้กับซีพียูได้ตั้งแต่ 3.3 โวลต์ (สำหรับซีพียู AMD K5 และ Cytix/IBM 6x86), 3.2 โวลต์ (สำหรับซีพียู AMD K6 233MHz), 2.9 โวลต์ (สำ-หรับซีพียู AMD K6 166MHz และ K6 200MHz) จนถึง 2.8 โวลต์ (สำหรับซีพียูเพนเทียม MMX, Cyrix/IBM 6x86MX) และสำหรับการเตรียมการอัพเกรดในอนาคตเมนบอร์ดที่คุณเลือกซื้อก็ควรจะรองรับแรงดันไฟขนาด 2.5 โวลต์ด้วย 
สำหรับเมนบอร์ดของซีพียูเพนเทียมทูนั้นคงจะไม่มีปัญหาเพราะเป็นเมนบอร์ดที่ออกแบบขึ้นสำหรับซีพียูเพนเทียมทูอยู่แล้ว 

 
ความสามารถในการรองรับอัตราการคูณความเร็วสัญญาณนาฬิกา
เมนบอร์ดที่คุณเลือกซื้อควรที่จะสามารถรองรับอัตราการคูณความเร็วสัญญาณนาฬิกาของซีพียูได้อย่าง น้อยที่สุด 3.5 เท่า สำหรับซีพียูรุ่นสูงสุด คือ รุ่นเพนเทียม 233MMX และ AMD K6 233MHz แต่ถ้าต้องการที่จะเตรียมการไว้ สำหรับการอัพเกรดในอนาคตแล้ว เมนบอร์ดที่คุณเลือกซื้อควรจะต้องรองรับอัตราการคูณความเร็วสัญญาณนาฬิกาได้ถึง 4 เท่าสำหรับซีพียู AMD K6 266MHz 
สำหรับเมนบอร์ดของซีพียูเพนเทียมทูนั้น อย่างน้อยที่สุดควรจะสามารถรองรับอัตราการคูณความเร็วสัญญาณนาฬิกาของซีพียู 4.5 เท่าสำหรับซีพียูรุ่นสูงสุด คือ รุ่นเพนเทียมทู 300 MHz และสำหรับซีพียูรุ่นสูงสุดคือรุ่นเพนเทียมทู 300MHz และสำหรับการเตรียมการอัพเกรดในอนาคต เมนบอร์ดที่ควรจะเลือกซื้อคือจะต้องรองรับอัตราการคูณความเร็วสัญญาณนาฬิกาได้ถึง 5 เท่าสำหรับซีพียูเพนเทียมทู 333MHz 

 
ความสามารถในการรองรับอัตราความเร็วสัญญาณนาฬิกาของซีพียู
เมนบอร์ดที่เลือกซื้อควรจะสามารถรองรับอัตราความเร็วสัญญาณนาฬิกาของซีพียูได้อย่างน้อยที่สุด 66 MHz ถ้าต้องการใช้ซีพียูของ Cyrix รุ่น 6x86 P200+ และ 6x86MX PR233 เมนบอร์ดที่เลือกซื้อนั้นก็ควรจะรองรับอัตราความเร็วสัญญาณนาฬิกาของซีพียูได้ถึง 75MHz แต่ถ้าต้องการจะเตรียมไว้สำหรับการอัพเกรดในอนาคตแล้วก็ควรจะสามารถรองรับอัตราความเร็วสัญญาณนาฬิกาของซีพียูได้ถึง 100MHz สำหรับซีพียู AMD K6 300MHz หรือสูงกว่า 
สำหรับเมนบอร์ดของซีพียูเพนเทียมทูนั้น อย่างน้อยที่สุดควรจะสามารถรองรับอัตราความเร็วสัญญาณนาฬิกาของซีพียูสูงสุดที่ 66MHz และสำหรับการเตรียมการอัพเกรดในอนาคต เมนบอร์ดที่เลือกซื้อควรจะต้องรองรับอัตราความเร็วสัญญาณนาฬิกาได้ถึง 100MHz 

 
สล็อตแบบ ISA, PCI และ AGP
ควรดูว่าเมนบอร์ดที่เลือกซื้อนั้นมีสล็อตแบบ ISA และแบบ PCI อย่างละกี่สล็อต เพียงพอกับความ ต้องการหรือไม่ เช่น ถ้ามีแผนที่จะใช้การ์ดเสียง , โมเด็มแบบติดตั้งภายในและการ์ดคอนโทรลเลอร์แบบ SCSI สำหรับเครื่องสแกนเนอร์ (ใช้อินเตอร์เฟสแบบ SCSI) หรือสำหรับไดร์ฟความจุสูงพร้อมกันในเครื่องคอมพิวเตอร์แสดงว่าอย่างน้อยเมนบอร์ดที่เลือกซื้อควรจะต้องมีสล็อตแบบ ISA อย่างน้อย 3 สล็อต ส่วนสล็อตแบบ PCI นั้นต้องใช้สำหรับการ์ดแสดงผล 1 สล็อต และถ้ามีแผนที่จะใช้การ์ดเน็ตเวิร์ค, การ์ดเร่งความเร็ว 3 มิติ และการ์ด-คอนโทรลเลอร์แบบ SCSI สำหรับฮาร์ดดิสก์แบบ SCSI พร้อมกันในเครื่องคอมพิวเตอร์สล็อตแบบ PCI ก็ควรมีอย่างน้อย 3 สล็อต 
สำหรับสล็อตแบบ AGP นั้นในปัจจุบัน จะมีเฉพาะบนเมนบอร์ดสำหรับซีพียูเพนเทียมทูที่ใช้ชิพเซ็ตรุ่น 440LX เท่านั้น และจะมีอยู่เพียงสล็อตเดียวเป็นมาตรฐาน ส่วนบนเมนบอร์ดสำหรับซีพียูตระกูลเพนเทียมที่ใช้ช็อกเก็ต 7 นั้นในเมืองไทยยังไม่มี ระบบบัสแบบ AGP นี้จะช่วยให้การ์ดเร่งความเร็วกราฟิกทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะใช้บัสความเร็ว 66MHz และช่วยให้การ์ดเร่งความเร็วกราฟิกทำงานที่ความละเอียดสูง ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องใช้หน่วยความจำวีดีโอขนาดใหญ่ เพราะสามารถนำหน่วยความจำหลักมาใช้เป็นหน่วยความจำวีดีโอได้ 

 
เมนบอร์ดแบบ AT และ ATX
สำหรับการเลือกซื้อเมนบอร์ดไม่ว่าจะเป็นแบบ ATX หรือแบบ AT ก็ตาม ประสิทธิภาพที่ได้นั้นแตก ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้น การเลือกซื้อก็แล้วแต่จะเลือก อีกทั้งราคาของเมนบอร์ดแบบ ATX จะสูงกว่าเมนบอร์ดแบบ AT อยู่ไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น การใช้เมนบอร์ดแบบ ATX อาจจะได้เปรียบอยู่บ้างตรงที่ ความสวยงาม, มีพื้นที่ในการอัพเกรดเพิ่มเติมการ์ด หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ มากกว่าทำให้อัพเกรดได้ง่ายกว่าสะดวกกว่า, ช่วยให้ใช้การ์ดต่อเพิ่มเติมต่าง ๆ ที่มีความยาวเป็นพิเศษเสียบลงบนสล็อตได้อย่างไม่มีปัญหา, ช่วยให้ความร้อนที่เกิดจากซีพียูถูกระบายออกได้ดีขึ้นอีกเล็กน้อย โดยผ่านพัดลมของ Power Supply และช่วยให้ความเร็วของระบบโดยรวมเร็วขึ้นเล็กน้อย (น้อยมาก) ส่วนเมนบอร์ดแบบ AT จะดีตรงที่อัพเกรดเมนบอร์ดกับตำแหน่งของพอร์ตให้พอดีกับตัวเคสมากนัก (แต่จะยุ่งยากเล็กน้อยตอนต่อสายพอร์ตต่าง ๆ ), ราคาถูกกว่า และหาซื้อเมนบอร์ดกับตัวเคสได้ง่ายกว่า แต่สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ทั้งเครื่อง และไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเครื่องมากนัก ก็ขอแนะนำให้เลือกซื้อเมนบอร์ดแบบ ATX ไปเลยจะดีกว่า 

 
อินเตอร์เฟสแบบ USB
ในปีหน้านี้คาดว่าจะมีอุปกรณ์ที่สนับสนุนอินเตอร์เฟสแบบ USB จะมีออกมาให้เห็นกันมากยิ่งขึ้นกว่านี้ การมีพอร์ตแบบ USB เตรียมไว้จะดีกว่า เพราะอุปกรณ์รุ่นใหม่ ๆ ประสิทธิภาพสูงหลายชนิดอาจจะหันมาใช้อินเตอร์เฟสแบบ USB กันมากขึ้น แต่เนื่องจากการใช้อินเตอร์เฟสแบบ USB จะช่วยให้อุปกรณ์เหล่านั้นมีราคาถูก ออกแบบและพัฒนาได้ง่าย 

 
ชิพเซ็ต
ซิพเซ็ตบนเมนบอร์ดในปัจจุบันที่นิยมใช้เป็นซิพเซ็ตของอินเทลนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่น คือ รุ่น 430VX, 430HX และ 430TX (รุ่น 430FX ปัจจุบันไม่มีแล้ว) ชิพเซ็ต 430TX เป็นชิพเซ็ตรุ่นใหม่ที่สุดของอินเทลสำหรับซีพียูที่ใช้ช็อกเก็ต 7 มีประสิทธิภาพสูงสุดในขณะนี้ ชิพเซ็ตตัวนี้จะสนับสนุนความสามารถและเทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆ เช่น การเพิ่มแรมได้สูงสุด 256MB (เดิม 128MB) สนับสนุนการใช้สล็อตหน่วยความจำหลักแบบธรรมดา, FPMและแบบ EDO สูงสุด 6 แผง (เดิมสนับสนุน 4 แผง) หรือแบบ SDRAM 3 แผง (เดิม 2 แผงที่ใช้กับชิพเซ็ต 430VX) สนับสนุนอินเตอร์เฟสฮาร์ดดิสก์แบบ Ultra DMA/33 ที่มีอัตราการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างหน่วยความจำบัฟเฟอร์ของฮาร์ดดิสก์ กับหน่วยความจำหลักสูงสุด 33MB ต่อวินาที (เดิม 16.6MBต่อวินาทีที่ PIO Mode 4 หรือ DMA Mode 2) และทำให้หน่วยความจำหลักแบบ SDRAM ทำงานได้เร็วขึ้นกว่าเดิมที่ใช้กับฃิพเซ็ต 430VX ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดนี้ทำให้เมนบอร์ดที่ใช้ชิพเซ็ตตัวนี้ มีประสิทธิภาพโดยรวมสูงขึ้นกว่าเดิมที่ใช้ชิพเซ็ตรุ่น 430VX และ 430HX 
ส่วนผู้ใช้ซีพียูในระดับเพนเทียมทูนั้น เมนบอร์ดที่ควรเลือกใช้ก็ควรเป็นเมนบอร์ดที่ใช้ชิพเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างรุ่น 440LX ของอินเทลมากกว่าที่จะเลือกใช้เมนบอร์ดที่ใฃ้ชิพเซ็ต 440FX เพราะเมนบอร์ดที่ใช้ชิพเซ็ต 440LX จะสนับสนุนการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ความเร็วสูงต่างๆ เฃ่น สนับสนุนหน่วยความจำหลักแบบ SDRAMสนับสนุนอินเตอร์เฟสฮาร์ดดิสก์แบบ Ultra DMA/33และสนับสนุนระบบกราฟิกบัสแบบ AGP ขณะที่เมนบอร์ดรุ่นเดิมที่ใช้ชิพเซ็ต 440FX นั้นไม่สนับสนุนอีกทั้งราคาของเมนบอร์ดรุ่นใหม่นี้ก็สูงกว่าเมนบอร์ดที่ใช้ชิพเซ็ตรุ่นเดิม (440FX) ไม่มากนัก 

 
จะเลือกซื้อเมนบอร์ดอย่างไร ?
เมนบอร์ดที่นำเข้ามาขายนั้น จะมีเมนบอร์ดที่มาจากอเมริกาและไต้หวัน ซึ่งมีความแตกต่างกันที่ราคา ประสิทธิภาพเมนบอร์ดของอเมริกาจะดีกว่า ดังนั้นการจะเลือกซื้อไม่ใช่ว่าจะพิจารณาจากราคาอย่างเดียว เพราะยังมีจุดที่จะต้องดูอีกอย่างด้วย นั่นคือ จะต้องพิจารณาว่าเมนบอร์ดที่จะซื้อมานั้นใช้ชิพเซ็ตอะไร ซึ่งชิพเซ็ตที่จะใช้ก็จะสัมพันธ์กับซีพียูด้วย 
ถ้าพูดถึงเมนบอร์ดคงจะต้องนึกว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากในคอมพิวเตอร์ ถ้าไปยุ่งกับมันมากอาจเกิดความเสียหายได้แต่ความเป็นจริงแล้ว ถ้าเคยจับ ๆ ถอด ๆ อุปกรณ์บางอย่าง เช่น แรมหรือฮาร์ดดิสก์ออกจากเครื่องก็สามารถทำได้ เพราะการอัพเกรดหรือติดตั้งเมนบอร์ดนั้นไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนคิด ในกรณที่ซื้อเมน- บอร์ดมาเพื่ออัพเกรดเมนบอร์ดเก่าให้เป็นรุ่นที่ใหม่ขึ้น ก่อนที่จะซื้อเมนบอร์ดมาเพื่อเปลี่ยนขอให้ถามตัวเองว่าจะต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดนั้นคืออะไร ถ้าเหตุผลที่คิดว่าตรงกับข้างล่างก็ลงมืออัพเกรดได้เลย
  • ต้องการความเร็วที่สูงขึ้น
  • ต้องการใช้ Plug and Play
  • ต้องการใช้ไบออสที่สามารถอัพเกรดได้
  • ต้องการใช้บัสแบบ PCI
  • ต้องการใช้ฮาร์ดดิสก์แบบ EIDE สำหรับฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุมากขึ้น
ขั้นตอนการอัพเกรด
  • ปิดเครื่อง
  • ถอดปลั๊กไฟออกให้เรียบร้อยและทำการกราวน์ตัวเองก่อน โดยการเอามือไปจับที่ตัวเครื่อง หรือพาวเวอร์ซัพพลาย การกราวน์ที่ว่านี้คือ การกำจัดไฟฟ้าสถิตย์ที่เกิดขึ้นเมื่อปิดเครื่องไป
  • ใช้ไขควงไปขันน็อตที่ด้านหลังของเครื่องเพื่อเปิดฝาเคสออกมา ถ้าเคสเป็นแบบทาวเวอร์ คือ จะเป็นเคสที่เป็นทรงสูง ๆ ขึ้นไปในแนวตั้งก็ให้วางเคสในแนวนอน
  • ถอดการ์ดต่างๆ ออกให้หมด โดยการไขสกรูที่ติดเอาไว้ แล้วก็ดึงออกไปในแนวตรง ซึ่งบางการ์ดอาจจะต้องมีการดึงสายไฟออกด้วย จากนั้นก็ถอดสายเคเบิลต่าง ๆ สายต่อพอร์ตอนุกรมหรือ COM PORT ทั้งสองพอร์ตออกให้หมด โดจจำตำแหน่งที่ถอดออกมาด้วย 
  • ดึงสายไฟที่ต่อจากพาวเวอร์ซัพพลายเข้าไปที่เมนบอร์ดออก ซึ่งสายไฟนี้มีอยู่ 2 ชุด ปกติแล้วจะอยู่ใกล้กับช่องต่อคีย์บอร์ด โดยการดึงขึ้นมาตรง ๆ แล้วก็เอียงเล็กน้อย
  • ถอดสายไฟต่างๆ ออกให้หมด ไม่ว่าจะเป็นสายต่อสวิตซ์รีเซ็ตหรือไฟเทอร์โบ สายไฟพวกนี้จะมักอยู่ด้านหน้าของเมนบอร์ด ซึ่งจะมีหลาย ๆ สี จะมีการเขียนติดไว้ที่ปลายของสายไฟว่าเป็นสายอะไร 
  • ต่อไปเอาน็อตหรือสกรูที่ล็อกเมนบอร์ดออกให้หมด จากนั้นก็ถอดเมนบอร์ดออกได้โดยการเลื่อนเมนบอร์ดไปทางด้านข้างเพียงเล็กน้อย เพื่อให้พลาสติกสีขาวที่ใช้รองเมนบอร์ดที่เกี่ยวติดอยู่กับเคสเลื่อนออกมา
  • เมื่อถอดเมนบอร์ดออกมาให้สำรวจดูว่าหน่วยความจำที่เมนบอร์ดเก่าสามารถนำไปใช้ในเมนบอร์ดใหม่ได้หรือไม่ ถ้าใข้ด้วยกันได้ให้ถอดออกมาด้วย อย่าลืมถอดพลาสติกรองเมนบอร์ดตัวเก่าออกมาด้วย เพราะยังต้องใช้กับเมนบอร์ดใหม่อีก 
การติดตั้งเมนบอร์ด
  • ถ้าเมนบอร์ดที่ซื้อมายังไม่ได้ติดตั้งซีพียูกับหน่วยความจำ ก็ขอให้ติดตั้งลงไปก่อน
  • นำเอาเมนบอร์ดใส่ลงไปในเคส โดยที่จัดวางตำแหน่งของพลาสติกรองเมนบอร์ดให้ตรงกันกับตัวล็อคที่เคส เมื่อจัดให้ตรงกันแล้วก็วางลงไป และเลื่อนเมนบอร์ดให้เข้าล็อกให้ลองขยับดูว่าลงล็อกทุกจุดแล้วหรือยังถ้าเรียบร้อยแล้วก็ไขน็อตยึดเมนบอร์ดกลับไปตามเดิมให้แน่น
  • ขั้นตอนต่อไป คือ การนำเอาสายไฟที่ถอดออกมาใส่เข้าไปที่เมนบอร์ด โดยปกติแล้วมักจะเอาสายไฟข้างที่มีสายดำหันเข้าหากันหรือให้คู่กันตรงกลาง จากนั้นก็กดลงไปให้แน่น แล้วก็ประกอบการ์ดต่าง ๆ กลับเข้าไปที่เดิม ส่วนสายไฟต่าง ๆ เช่น สายสวิตซ์รีเซ็ตหรือสายเทอร์โบ ก็ให้ใส่กลับเข้าไปตามเดิม โดยดูจากคู่มือเมนบอร์ดที่ร้านค้ามักจะให้มาด้วยว่าสายอะไรจะเสียบเข้าไปที่ไหน ซึ่งถ้าที่ปลายสายเหล่านี้ไม่ได้เขียนว่าเป็นสายอะไรก็ไม่มีปัญหาอะไร
  • จากนั้นก็เสียบสายเคเบิลต่างๆ กลับไปตามตำแหน่งที่บอกไว้ในคู่มือเมนบอร์ดให้สำรวจดูว่าการ์ดต่าง ๆ ต่อเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง
  • เปิดเครื่องเพื่อทดสอบดูว่า สามารถทำงานได้ถูกต้องหรือไม่ แต่ยังไม่ต้องปิดฝาเคสลงไปเพราะอาจจะมีบางอย่างที่เราใส่เข้าไปไม่แน่นหรือไม่ถูกต้อง ถ้าทุกอย่างถูกต้องดีแล้วเครื่องก็จะสามารถทำงานได้ตามปกติแต่ถ้าเปิดเครื่องขึ้นมาแล้วมีการแสดงข้อผิดพลาดขึ้นมา ก็ให้ดูว่าข้อผิดพลาดนั้นคืออะไร

ปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับการเสียบการ์ดต่าง ๆ ลงไปไม่แน่น หรือเสียบสายไฟเข้าไปไม่แน่น ให้ลองขยับการ์ดหรือถอดออกมาแล้วใส่เข้าไปใหม่ เมื่อเครื่องทำงานเรียบร้อยตามปกติแล้ว ก็ให้นำค่า CMOS ที่ได้บันทึกเอาไว้เข้าไปตามเดิม